ที่อยู่ : หมู่ 10 ตำบลหนองสามวัง อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี 12170
ชื่อผู้ดูแล :
เมื่อปี พ.ศ. 2495 ในพื้นที่ของสหกรณ์การเช่าซื้อที่ดินธัญบุรี มีครอบครัวมุสลิมจากหัวหมากใหญ่กรุงเทพมหานคร นำโดย กีหวัง บุญมาเลิศ และจากคลองสอง ปทุมธานี นำโดย กีชม มาลี ได้อพยพมาจับจองที่ทำกิน ณ พื้นที่ดังกล่าวประมาณ 10 ครอบครัว ต่างปลูกกระต๊อบอยู่รอบๆ ส่วนพื้นที่ตรงกลางเว้นไว้เพื่อประกอบศาสนกิจเป็นประจำทุกวัน ไม่นาน กีชม มาลี ได้อุทิศโรง (โรงควาย) ให้เพื่อใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจ จนกระทั่งโรงดังกล่าวเกิดชำรุดทรุดโทรมลง กีหวัง กับ กีชม ได้ร่วมกันต่อตั้งสถานที่ประกอบศาสนกิจหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง โดยใช้ปรือมุงหลังคาและฝา ใช้เสื่อปูละหมาดบนพื้นดิน และเรียกชื่อว่า “มัสยิด” ยังไม่มีชื่อ โดยมี ฮัจยีนี บุญมาเลิศ บุตรชายของ กีหวัง ทำหน้าที่เป็นอิหม่ามครั้งนั้นมีสัปปุรุษประมาณ 20 คน ขณะเดียวกัน ฮัจยีนี ได้ถูกคัดเลือกจากสมาชิกสหกรณ์ฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานฯ ต่อมาจึงได้ทำเรื่องขอที่ดินเพื่อก่อสร้างมัสยิด ในที่สุดสหกรณ์ได้อนุมัติที่ดินให้จำนวน 10 ไร่ เพื่อเป็นสมบัติของมัสยิด 1 ปีต่อมา กีหวัง ได้ชักชวน ฮัจยีหมัด บุญมาเลิศ ซึ่งเป็นน้องชายของฮัจยีนี มาช่วยสอนอัลกุรอ่านแก่เยาวชน ต่อมาฮัจยีนี ได้มอบตำแหน่งอิหม่ามให้กับฮัจยีหมัด ผู้เป็นน้องชาย ระยะเวลาไม่นาน ฮัจยีหมัด ฮัจยีนี และ กีชม ได้ร่วมกับสัปปุรุษทั้งหมด ช่วยกันสร้างมัสยิดหลังใหม่บนเนื้อที่ 10 ได้ ที่สหกรณ์มอบให้ เป็นโรงหลังคามุงด้วยสังกะสี ใช้ไม้อัดทำฝา แต่ยังใช้เสื่อปูละหมาดบนพื้นดินเหมือนเดิม ครั้งนั้นมีสัปปุรุษเพิ่ม 40 คน หลายปีต่อมา มัสยิดได้ชำรุดทรุดโทรมจนกระทั่งไม่สามารถกันแดดกันฝนได้ จึงได้ทำการก่อสร้างมัสยิดหลังใหม่ขึ้นเป็นหลังที่ 3 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคามุงกระเบื้อง ยกพื้น มีซูโต๊ะห์ และ ฮัจยีหมัด ได้ตั้งชื่อมัสยิดหลังนี้ว่า “มัสยิดอัซซอลีฮีน” ขณะที่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ อิหม่ามฮัจยีหมัด บุญมาเลิศ ได้เสียชีวิตลง ฮัจยีทวี (ไดวี่) บุญมาเลิศ ผู้เป็นน้องชายได้ถูกคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นอิหม่ามแทน และได้ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ ต่อมาได้ทำเรื่องโอนโฉนดที่ดิน 10 ไร่ และขอจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปทุมธานีเรียบร้อยแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2516 ต่อมา อิหม่ามทวี บุญมาเลิศ ได้อุทิศที่ดินเพิ่มให้กับมัสยิดอีกจำนวน 6 งาน ปัจจุบันมัสยิดมีเนื้อที่ทั้งหมด 11 ไร่ 2 งาน
มีโรงเรียนสอนศาสนา มีกุโบร์ มีที่จัดสรรให้สัปปุรุษที่ยากจนได้อาศัย มีจำนวนสัปปุรุษ 80 กว่าหลังคาเรือน รวมจำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 500 กว่าคน จากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นทำให้มัสยิดคับแคบ คณะกรรมการและสัปปุรุษจึงได้ประชุมกัน และมีมติเห็นควรให้ทำการก่อสร้างมัสยิดขึ้นมาใหม่บนพื้นที่เดิม เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียว ยกพื้นสูง ข้างล่างโปร่ง การก่อสร้างได้ดำเนินการไปจนเสร็จแต่ยังไม่สมบูรณ์ อิหม่ามทวี บุญมาเลิศ ได้เสียชีวิตลง คณะกรรมการและสัปปุรุษได้คัดเลือก ฮัจยีนาวาวี บุญมาเลิศ ซึ่งเป็นบุตรของ ฮัจยีหมัด บุญมาเลิศ ให้ดำรงตำแหน่งอิหม่ามคนต่อไป “มัสยิดอัซซอลีฮีน” หลังปัจจุบันเป็นหลังที่ 4 มีที่ดิน 11 ไร่ 2 งาน มีสมาชิก 80 กว่าครอบครัว มีสัปปุรุษ ประมาณ 500 กว่าคน ซึ่งปัจจุบัน ฮัจยีนาวาวี บุญมาเลิศ เป็นอิหม่าม ฮัจยีซาการียา ปาเละ (สมศักดิ์) เป็นคอเต็บ และ นายซียาไว บุญมาเลิศ เป็นบิหลั่น มีคณะกรรมการ 12 ท่าน
นายนาวาวี บุญมาเลิศ
(อิหม่าม)
นายสมศักดิ์ ปาเละ
( คอเต็บ )
นายซียาไว บุญมาเลิศ
( บิหลั่น )
นายสนิท มาลี
( เลขานุการ )
นาย อนุชา บุญส่ง
( เหรัญญิก )
นาย สมชาย มาลี
( นายทะเบียน )
นาย สุชัย มาลี
( กรรมการ )
นาย มนตรี วันหวัง
( กรรมการ )
นาย ประดิษฐ์ บุญมาเลิศ
( กรรมการ )
นาย วินัย เดชเสถียร
( กรรมการ )
นาย กอเต็ม สิงห์เทียน
( กรรมการ )
นาย บุญลือ ล้ำประเสริฐ
( กรรมการ )
นาย ปราโมช บุญมาเลิศ
( กรรมการ )
จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์0000002500 คน